แก้วมังกร (dragonfruit) หรือ ในภาษาจีนเรียกว่า เฟย หลง กั่วะ เป็นพืชพื้นเมืองของอเมริกาใต้ แก้วมังกรเป็นพืชล้มลุกใน ตระกูลไม้กระบองเพชร ประเภทไม้เลื้อยที่มีอายุนานหลายปี มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกากลาง ถูกนำเข้ามาในเอเชียครั้งแรกที่ประเทศเวียดนาม และถือเป็นผลไม้ที่ส่งออกที่สร้างรายได้งามของบรรดาผลไม้ส่งออกของประเทศ เวียดนาม โดยประเทศไทยได้เริ่มนำพันธุ์จากประเทศเวียดนามเข้ามาปลูกตั้งแต่ในช่วงปี 2543 ทั้งเพื่อการบริโภค และส่งขายภายในประเทศ และต่างประเทศจนถึงปัจจุบัน โดยส่งออกไปยังทวีปยุโรป และอเมริกา ส่วนในทวีปเอเชีย เช่น จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น
เนื่องจากลักษณะผลมีรูปร่างคล้ายลูกแก้วที่มีเปลวไฟที่อยู่ระหว่างมังกร 2 ตัว ที่หันหน้าเข้าหากัน โดยเปลวไฟบนลูกแก้วมีลักษณะคล้ายกับกลีบที่ติดอยู่บนผลของแก้วมังกร จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกนี้ ประเทศที่นำเข้าเป็นจำนวนมาก ได้แก่ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน ปัจจุบันได้มีการนำไปปลูกที่อิสราเอลบริเวณ Negev Desert (Obregon, 1996) (พันธุ์สีเหลืองของอิสราเอลถือว่า เป็นสายพันธุ์ที่อร่อยที่สุดในโลก) สำหรับในประเทศไทยได้เริ่มมีการปลูกแก้วมังกรเป็นการค้าในช่วง 7-8 ปีผ่านมา แก้วมังกรมีศักยภาพในการปลูกเป็นไม้ผลเศรษฐกิจของประเทศไทย และมีอนาคตทางการตลาดไปได้ดี เนื่องจากการปลูกดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก และยังให้ผลผลิตที่ค่อนข้างคุ้มค่าสำหรับเกษตรกรที่ปลูก นอกจากนี้สภาพภูมิอากาศของประเทศไทยก็เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของแก้วมังกรอีกด้วย
แก้วมังกร เป็นพืชในวงศ์ Cactaceae หรือวงศ์ กระบองเพชร ซึ่งในวงศ์นี้มีมากกว่า 1500 ชนิด ลักษณะลำต้นมีสีเขียวเป็นพืชอวบน้ำ ไม่มีใบเนื่องจากลดรูปใบเป็นหนาม โดยทั่วไปจะมี 3 ลักษณะ คือ
- เนื้อสีขาวเปลือกสีแดง เช่น Hylcereus undatus
- เนื้อสีแดง เปลือกสีแดง เช่น Hylocereus polyrhizus
- เนื้อสีขาวเปลือกสีเหลือง เช่น Selenicereus megalanthus
... แก้วมังกรมีทั้งสายพันธุ์ดอก (ดอกมากแต่ไม่ติดผลหรือติดผลน้อย) พันธุ์ผลดก และพันธุ์ผลไม่ดก การเลือกซื้อกิ่งพันธุ์ต้องตรวจสอบชนิดของสายพันธุ์ให้แน่นอนเสียก่อน ปัจจุบันได้มีผู้นำสายพันธุ์ใหม่ๆจากต่างประเทศเข้ามามากมาย การที่จะระบุว่าสายพันธุ์ไหนดีหรือไม่ดีนั้นผู้บริโภค คือ ผู้ที่ตัดสิน เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจปลูกแก้วมังกรสาย ผู้บริโภคจะต้องคิดให้รอบคอบก่อนเสมอ
สายพันธุ์ มาตรฐานของแก้วมังกร
- พันธุ์แม็กซิโก ผลเล็ก เนื้อขาว เปลือกเหลือง ขนาดผลเท่ามะระขี้นกผลใหญ่
- พันธุ์ไต้หวัน เนื้อแดง เปลือกแดง ขนาดผลเท่าพันธุ์ไทย
- พันธุ์เวียดนาม ผลใหญ่ เนื้อขาวครีม เปลือกแดงอมชมพู รสหวานจัด กลีบใหญ่และห่าง
- พันธุ์ไทย ผลเล็กกว่าพันธุ์เวียดนาม เนื้อขาวครีม เปลือกแดงอมชมพู รสหวานอมเปรี้ยว กลีบเล็กและถี่กว่าพันธุ์เวียดนาม
- พันธุ์ไร้หนาม ไม่ใช่ไม่มีหนามเพียงแต่หนามสั้นมาก และเมื่อกิ่งแก่จัดหนามจะหลุดจากกิ่งเอง
* กลีบดอกสดใหม่ปรุงอาหารประเภทยำหรือผัดน้ำมันหอยรสชาติอร่อยดี
ลักษณะของผลแก้วมังกร
หลังจากเริ่มปลูกต้นแก้วมังกรจนกระทั่งต้นแก้วมังกรเจริญเติบโตมาได้ประมาณ 8 เดือนถึง 1 ปี ต้นแก้วมังกรก็จะเริ่มมีดอกตูมจนกลายเป็นดอกและเป็นผลในเวลาต่อมา ใช้ระยะเวลาประมาณ 45 วัน หรือ 6 อาทิตย์ ผลแก้วมังกรมีรูปทรงเป็นทรงกลมรี สีของเปลือกแก้วมังกรมีลักษณะสีแดงม่วงหรือสีบานเย็น มีกลีบเลี้ยงสีเขียวติดอยู่รอบผล ผลแก้วมังกรส่วนใหญ่มีน้ำหนักประมาณ 300-600 กรัม
เมื่อผ่าผลแก้วมังกรจะเห็นเนื้อของผลแก้วมังกรสีขาวหากผลนั้นเป็นแก้วมังกรพันธุ์เวียดนามหรือพันธุ์ไทย และเนื้อผลจะมีสีแดงหรือชมพูเมื่อผลนั้นเป็นพันธุ์เนื้อสีแดง โดยมีเมล็ดสีดำเล็กคล้ายๆเม็ดงา หรือเม็ดแมงลัก กระจายฝังอยู่ทั่วเนื้อ รสชาติของแก้วมังกรโดยทั่วไปจะมีรสหวานอมเปรี้ยวนิดๆ
ลักษณะของต้นแก้วมังกร
แก้วมังกรเป็นพันธุ์ไม้เลื้อยในตระกูลตะบองเพชรมีสีเขียวเข้มตลอดลำต้น ลำต้นเลื้อยของแก้วมังกรนั้นเป็นกิ่ง3แฉกและมีรอยหยักโดยตลอด รูปร่างนี้จึงดูคล้ายครีบมังกร จึงเป็นอีกหนึ่งที่มาของชื่อ แก้วมังกร แต่ละแฉกของแก้วมังกรนั้นจะอวบน้ำเต่งตึง แท้ที่จริงแล้วนั้นกิ่งที่เราเห็นไม่ใช่ลำต้นที่แท้จริงแต่เป็นใบที่เปลี่ยนรูปมา ลำต้นจริงๆนั้นอยู่ภายในศูนย์กลางของแฉก ซึ่งก็เป็นลักษณะของตะบองเพชรรูปแบบหนึ่ง ตาข้างๆของต้นแก้วมังกรจะมีหนามอยู่โดยทั่วไป ตำแหน่งที่มีหนามนั้นคือส่วนที่จะเกิดเป็นดอกและผลแก้วมังกรต่อมานั่นเอง
การขยายพันธุ์ ขยายได้หลายแบบมาก ลองเลือกทำตามที่ถนัดนะคะ
ชำกิ่งในถุง เลือกกิ่งแก่จัดตัดเป็นท่อนยาว 30-50 ซม. ถ้าเป็นกิ่งช่วงปลายให้ตัดปลายยอดทิ้ง นำด้านโคนกิ่งลงจุ่มแช่ในฮอร์โมนไคตินไคโตซาน 20-30 นาที นำขึ้นผึ่งลม ทาแผลรอยตัดด้วยปูนกินหมาก ทิ้งให้ปูนแห้งแล้วจึงนำไปปักในถุงแกลบดำอัดแน่นลึก 5-6 นิ้ว มีไม้หลักปักยึดป้องกันต้นโยก เก็บในเรือนเพาะชำ ให้น้ำสม่ำเสมอ ประมาณ 20 วันเมื่อรากเริ่มงอกก็จะมียอดแตกออกมาจากข้อ บำรุงเลี้ยงจนยอดแตกใหม่โตสมบูรณ์เต็มที่หรือรากบางส่วนแทงออกมานอกถุงแล้วจึงนำไปปลูกในแปลงจริง ต้นที่ปลูกจากกิ่งชำไม่กลายพันธุ์ โตเร็วและให้ผลผลิตเร็ว......ถ้าใช้ยอดอ่อน กิ่งอ่อน กิ่งแก่ยาวน้อยกว่า 20 ซม. นำไปชำแล้วมักไม่ออกรากแต่จะเน่าตายไปเลย
ชำกิ่งในแปลงปลูก เลือกกิ่งแก่ขนาดยาว 50-120 ซม. ปักลงดินที่โคนหลักปลูกในแปลงจริงโดยหันด้านแบนของกิ่งแนบชิดหลัก รัดด้วยเชือกพอหลวม 2-3 เปราะ ปักกิ่งลึก 5-10 ซม.หรือให้ข้อจมดิน 2-3 ข้อ กลบดินโคนกิ่งให้แน่น ใช้เศษหญ้าหรือฟางคุมหน้าดินและคุมทับกิ่งที่ปักชำเพื่อบังแสงแดด หลังจากปักกิ่งลงไปแล้วให้น้ำพอหน้าดินชื้นอยู่เสมอและระวังอย่าให้น้ำขังค้างจนดินโคนต้นแฉะเกินไป ประมาณ 15-20 วันกิ่งชำเริ่มแทงรากจากนั้นก็จะแทงยอด
การตอน เลือกกิ่งแก่ กิ่งชี้ขึ้นดีกว่ากิ่งชี้ลง ใช้มีดคมๆเฉือนกิ่งบริเวณใต้ตาเฉียงลง 45 องศา ลึกถึงแกนในทั้งสามด้าน แกะเปลือกกับเนื้อออกจนเหลือแต่แกนใน ขูดเยื่อเจริญรอบแกนเหมือนการตอนกิ่งไม้ผลยืนต้นทั่วๆไป ทาแผลด้วยฮอร์โมนเร่งราก (ทำเอง) จากนั้นจึงหุ้มด้วยตุ้มตอนขุยมะพร้าวตามปกติ บำรุงไปเรื่อยๆประมาณ 20-30 วันก็จะมีรากออกมา เมื่อเห็นว่ามีรากมากพอจึงตัดลงมาชำในถุงดำต่อไป
หักกิ่ง เลือกกิ่งกลางอ่อนกลางแก่หรือกิ่งแก่จัดอยู่ใกล้ๆวัสดุที่รากสามารถยึดเกาะได้ หักกิ่งให้เหลี่ยมฉีก 1 ด้านแล้วปล่อยไว้อย่างนั้นจะมีรากแทงออกมาจากรอยหักของกิ่ง เมื่อมีรากแล้วให้ตัดลงมาชำในถุงดำต่อไป
เพาะเมล็ด เลือกผลแก่จัด ขยำเมล็ดแยกจากเนื้อ นำเมล็ดผึ่งลมให้แห้ง ทิ้งไว้ 2-5 วันเพื่อพักตัวแล้วนำลงแช่ในไคตินไคโตซานนาน 12 ชม. นำขึ้นผึ่งลมให้แห้งอีกครั้งจึงนำไปเพาะในกระบะเพาะเมล็ดธรรมดา กล้างอกขึ้นมาแล้วบำรุงเลี้ยงตามปกติและเมื่อต้นกล้าโตดีแล้วก็ให้ย้ายลงปลูกในแปลงจริงต่อไป ต้นที่เกิดจากการเพาะเมื่อโตขึ้นจะกลายพันธุ์