![]()
มะยม (Star Gooseberry) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Phyllanthus acidus (L.) Skeels ทางภาคอีสานจะเรียกมะยมว่า "หมากยม" ส่วนภาคใต้จะเรียกสั้นๆว่า "ยม" ลักษณะของผลเมื่ออ่อนจะเป็นสีเขียว ถ้าแก่จะเป็นสีเหลืองหรือขาวแกมเหลือง มีเนื้อฉ่ำน้ำ รสชาติจะมีรสหวานอมฝาด ในผลมีเมล็ดกลมๆสีน้ำตาล 1 เมล็ด มะยมทั้งตัวผู้และตัวเมีย ต้นตัวผู้จะออกดอกเต็มต้นแต่ไม่ติดลูก ส่วนตัวเมียนั้นจะมีดอกน้อยกว่า เรานิยมใช้ตัวผู้เป็นหลักเพราะมีสรรพคุณทางยาค่อนข้างสูงกว่าตัวเมียในเรื่องของความเชื่อ เชื่อว่ามะยมเป็นต้นไม้มงคลนาม ผู้ปลูกจะมีเมตตามหานิยม และเชื่อว่าให้ปลูกต้นมะยมในทางทิศตะวันตก เพื่อป้องกันสิ่งไม่ดีมิร้ายได้อีกด้วย และการรับประทานน้ำยางของรากต้นมะยมเข้าไปอาจจะมีอาการปวดท้อง ปวดศีรษะ และมีอาการง่วงซึมได้ ควรระวังน้ำ ควรระวังตรงนี้ไว้ด้วย
ประโยชน์ของมะยม ได้แก่
ผล ช่วยดับร้อนและปรับสมดุลในร่างกาย ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยบำรุงโลหิต ต้านหวัด มีฤทธิ์กัดเสมหะ ดับพิษเสมหะ ใช้เป็นยาระบาย ช่วยแก้อาการปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ โรคไขข้ออักเสบ
ดอก ดอกสดใช้ต้มกรองเอาน้ำแก้โรคในตา ชำระล้างในตา
ใบ แก้เบาหวาน ลดความดันโลหิต ช่วยบำรุงประสาท บรรเทาอาการปวดศีรษะ แก้ไข้เหือด ไข้หัด แก้สำแดง ช่วยรักษาโรคอีสุกอีใส ต้มน้ำอาบแก้พิษคัน นำมาใช้ปรุงเป็นส่วนประกอบในยาเขียว และใช้เป็นอาหารได้
เปลือกต้น รสจืด สรรพคุณแก้ไข้ทับระดู ระดูทับไข้ และแก้เม็ดผดผื่นคัน
ราก ใช้แก้น้ำเหลืองเสียให้แห้ง ช่วยรักษาเม็ดผดผื่นคัน หรือแก้โรคประดง ช่วยรักษาโรคผิวหนัง แก้น้ำเหลืองเสียให้แห้ง แก้ไข้ และเปลือกต้นนำมาต้มกับน้ำดื่มสรรพคุณช่วยแก้ไข้ทับระดู ระดูทับไข้
เป็นต้น
คติความเชื่อตามตำราพรหมชาติฉบับหลวง กล่าวว่ามะยมเป็นต้นไม้ที่ควรปลูกไว้ทางทิศตะวันตก (ประจิม) เพื่อป้องกัน ความถ่อย ถ้อยความ และผีร้ายมิให้มากล้ำกราย ในบางตำราก็ว่า เป็นต้นไม้ที่มีชื่อเป็นมงคลนาม ปลูกแล้วผู้ คนจะได้นิยมเหมือนมี นะเมตตามหานิยม
หน้าที่เข้าชม | 728,343 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 485,890 ครั้ง |
เปิดร้าน | 8 เม.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 2 ต.ค. 2568 |