มะระ เป็นพืชล้มลุกชนิดไม้เถา จัดเป็นผักตระกูลเดียวกับ ฟัก แตงกวา บวบ ค้นพบครั้งแรกในประเทศจีน ก่อนที่แพร่ขยายไปในแถบทวีปเอเชียและอินเดีย จนกลายเป็นผักที่ใคร ๆ ก็รู้จักทุกวันนี้ ปัจจุบันในบ้านเรานิยมบริโภคมะระเพียงสองชนิด คือ มะระขี้นก ซึ่งมีขนาดเล็ก ผิวขรุขระ สีเขียวแก่ หัวและท้ายเรียวแหลม มีรสชาติขม และมะระจีน ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ชาวจีนนำเข้ามาในประเทศไทย ลักษณะผลมีขนาดใหญ่ สีเขียวอ่อน น้ำหนักมาก แต่มีความขมน้อยกว่า
ประโยชน์ของมะระ
แม้ ว่ามะระจะขึ้นชื่อลือชาเรื่องความขมจนติดลิ้น แต่ก็มีคุณค่าทางโภชนาการ มากมาย เพราะในมะระมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่น แคลเซียม ช่วยเสริมสร้างการทำงานของกระดูกและฟัน ช่วยให้เลือดแข็งตัว มีฟอสฟอรัสซึ่งทำงาน ซึ่งทำงานสัมพันธ์กับแคลเซียมในการบำรุงกระดูกและฟัน บำรุงสมอง กล้ามเนื้อ วิตามินซีที่ช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส อีกทั้งยังมีเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูง ช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันโรคและปกป้องเซลล์จากการทำลายของสารก่อมะเร็ง
ความ ขมของมะระนั้นสามารถช่วยให้เราเจริญอาหาร เพราะสารขมที่อยู่ในมะระนั้นจะช่วยกระตุ้นให้น้ำย่อย ออกมามากจึงทำให้รับประทานอาหารได้มากขึ้น ซึ่งเราอาจจะนำมะระไปลวก หรือเผาไฟจิ้ม แล้วนำมาจิ้มกับน้ำพริกก็ได้ และ อีกคุณประโยชน์ก็คือ สามารถบำบัดและรักษาโรคเบาหวานระยะเริ่มต้น ด้วยสารอาหารในมะระ ซึ่งทำหน้าที่เพิ่มเบต้าเซลล์ในตับอ่อน โดยการกระตุ้นให้เกิดการสร้างอินซูลิน (ฮอร์โมนควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด) อีกทั้งมะระยังมีเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต สารอาหารจะผสมอยู่ในรูปของโปรตีน ซึ่งสามารถบรรเทาอาการเจ็บป่วยที่เกิดจากโรคตับ และ โรคเบาหวานได้ มะระยังสามารถแก้โรคตับอักเสบ ปวดหัวเข่า ม้ามอักเสบได้ โดยรับประทานมะระดิบเป็นประจำจะช่วยได้ค่ะ
เหตุที่มะระมีรสขม เพราะในมะระมีสารเคมีชนิดหนึ่งชื่อ Momodicine ซึ่ง มีสรรพคุณในการช่วยกระตุ้นความรู้สึกให้อยากอาหาร ขณะเดียวกันก็ยังช่วยให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งรสขมที่แฝงอยู่ในผลมะระยังมีสรรพคุณเป็นยาระบายอย่างอ่อน ๆ โดยเฉพาะผู้มีปัญหาเรื่องท้องผูกเป็นประจำ จึงสมควรที่จะนำมะระมาปรุงอาหารกินบ่อย ๆ
มะระ ก็ได้รับความนิยมจากคนรักสุขภาพ โดยนำผลสด ๆ มาคั้นเป็นน้ำดื่ม เพราะน้ำที่ได้จากผลมะระ มีสรรพคุณในการช่วยฟอกเลือด และ กระตุ้นการทำงานของ ตับให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยลดน้ำตาลในเลือด และ เพิ่มอินซูลินตามธรรมชาติให้ กับร่างกาย เหตุนี้น้ำมะระจึงเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานอย่างยิ่ง
สำหรับ การลดความขมของมะระเพื่อนำมาประกอบอาหารนั้น มีเคล็ดลับว่าก่อนให้นำมะระที่หั่นหรือซอยแล้ว นำไปคลุกกับเกลือทิ้งไว้สักครู่ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือ เวลาต้มมะระยัดไส้ ให้เปิดฝาหม้อไว้จนเดือด จะช่วยลดความขมของมะระได้ การเลือกซื้อมะระมาทำอาหารแต่ละครั้งนั้น ถ้าไม่อยากได้มะระแก่ไปทำอาหาร ควรสังเกตที่หนามของมะระ ถ้าหนามมีลักษณะแข็ง แสดงว่ามะระนั้นแก่เต็มที่ ไม่ควรซื้อเพราะจะมีรสขมมาก แต่ถ้าหนามมีลักษณะอ่อนนิ่ม แสดงว่าเป็นมะระอายุน้อยและไม่ขม สามารถนำมาประกอบอาหารได้
นอกจากนี้ในมะระยังอุดมไปด้วยฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี วิตามินบี1 - บี3, เบต้าแคโรทีน, ไฟเบอร์, ธาตุเหล็ก, โพแทสเซียม, เป็นต้น
ส่วน อื่น ๆ ของต้นมะระยังเป็นพืชผักสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาอีกหลายประการ เช่น ใบสดใช้ต้มดื่มเพื่อบรรเทาอาการหวัด รักษาแผลในกระเพาะอาหาร แก้อาการร้อนใน กระหายน้ำ ลดการบวมหรือฟกช้ำตามร่างกาย และใช้ทาแก้อาการผื่นคันได้
ส่วน ผลมะระสุก คั้นเอาแต่น้ำ ใช้ทาหน้า (ห้ามกิน) เพื่อแก้อาการสิวอักเสบ ผลดิบ ใช้ลวกกินกับน้ำพริก แก้อาการปวดเข่าในผู้สูงอายุ หรือแม้แต่เมล็ดมะระก็มีคุณสมบัติในการปรับธาตุในร่างกายให้เกิดความสมดุล รากสดของมะระใช้ต้มน้ำดื่มแก้ไข้ และบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวารได้ด้วย
*** ข้อควรระวัง ***
- ห้ามรับประทานมะระสุก เพราะมะระสุกมีสารซาโปนินอยู่มาก ซึ่งมีผลให้คลื่นไส้ อาเจียน
- มะระมีฤทธิ์เป็นยาระบาย อย่าทานมากเกินไปเพราะอาจทำให้ท้องเสียได้
เคล็ดลับสำหรับตกขาว มะระช่วยคุณได้
นำ มะระขี้นกแก่ประมาณ 10 ลูก ล้างให้สะอาด โขลกทั้งเม็ดให้ละเอียด ใช้ผ้าขาวบางคั้นเอาแต่น้ำ ผสมเหล้าขาว 3 ช้อนชา รับประทานวันละ 1 ครั้งติดต่อกัน 1 สัปดาห์ อาการจะดีขึ้น
---------------------------------------
วิธีเพาะเมล็ด "มะระ" ต่างประเทศทำตามขั้นตอนนะคะ
1. แช่ตู้เย็นช่องผักทั้งซองที่ส่งมาเลย 1 คืน
2. ทิ้งไว้ให้คลายความเย็น
3. กระตุ้นการงอกด้วยการแช่น้ำอุ่นจัด ทิ้งไว้ 1 คืน
4. ขลิบปลายเมล็ดให้แตกล็กน้อย
ขลิบปลายเมล็ด แบบในรูป
5. วางบนสำลี หรือ ทิชชู่ ชุบน้ำหมาดๆ ในกล่องพลาสติก
6. วางเมล็ดที่ขลิบแล้วลงไป เรียงห่างพอประมาณ
7. ปิดทับด้วย สำลี หรือทิชชู่ชุบน้ำหมาดๆ อย่าแฉะ อาจเน่าได้คะ
8. ปิดฝากล่อง เอาไว้ในที่มืด (ของครูเอากะละมังสีดำคลอบไว้)
9. เปิดดูทุกวัน เมล็ดไหมแตกราก คีบมาเพาะลงถุง หรือ กระถางได้
10. เมื่อใบจริงแตกสัก 3-4 ใบย้ายไปลงปลูกที่ๆต้องการได้เลย
------------------------------------------
* สำหรับคนที่จะปลูกในกระถาง ถ้ากระถางขนาด 11 นิ้ว ต้นเดียวพอ แต่ถ้าใหญ่กว่านี้ 2 ต้นได้ จ้ะ ... อย่าลืมหาที่ให้เค้าเกาะด้วยนะจ้ะ *
หน้าที่เข้าชม | 727,918 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 485,465 ครั้ง |
เปิดร้าน | 8 เม.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 9 ก.ย. 2568 |