ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า

บัวดิน จัดเป็นไม้ดอกประเภทหัวที่มีความทนทานต่อสภาพแห้งแล้ง ปลูกเลี้ยงง่าย และมีดอกสวยงาม นิยมนำมาปลูกในแปลงจัดสวน และการปลูกในกระถางสำหรับชมดอก รวมถึงประโยชน์ในด้านการใช้เป็นพืชคลุมดิน

ชื่อวิทยาศาสตร์  Zephyranthes spp  (แปลว่าดอกไม้แห่งลมตะวันตก)

ชื่อสามัญ     Raindrops : Rain lily : Zephyr lily : Fairy lily : Atamasco lily : Crocus lily : Peruvian swamp : Swamp lily

ชื่อท้องถิ่นไทย  บัวดิน (นิยมเรียกที่สุด) ; บัวจีน ; บัวฝรั่ง (เหมือนกับบัวในน้ำที่นำเข้าจากต่างประเทศ) ; บัวสวรรค์ (เหมือนกับไม้ยืนต้นอีกชนิด)

ถิ่นกำเนิด   อเมริกา เม็กซิโก โคลัมเบีย กัวเตมาลา และทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา โดยมีมากกว่า 50 ชนิด

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของบัวดิน

ลำต้น  และ  ราก  บัวดินเป็นพืชล้มลุกที่มีหัวอายุยืนหลายปี มีระบบรากเป็นแบบรากฝอยอย่างเดียว โดยลำต้นจะเป็นหัวที่อยู่ใต้ดิน มีรูปร่างค่อนข้างกลมคล้ายหัวหอม โดยประกอบด้วยลำต้นจริงที่เปลี่ยนรูปไปเป็นฐานหัว ประกอบด้วยปล้องที่มีลักษณะสั้น และถี่ซ้อนกันอยู่เป็นชั้นๆ และถูกห่อหุ้มด้วยโคนก้านใบ หรือที่เรียกว่า กาบหัว ห่อหุ้มซ้อนกันเป็นชั้นๆ จนกลายเป็นเนื้อหัวที่มีลักษณะอวบน้ำ ด้านนอกปกคลุมเยื่อบางๆ และมีลักษณะเป็นแผ่นแห้งสีน้ำตาลที่สามารถลอกออกได้ บางชนิดเป็นหัวแข็ง หรือค่อนข้างแข็ง มีขนาดแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ โดยทั่วไปหัวมีขนาด 2-5 เซนติเมตร

ใบ      ใบมีรูปร่างเป็นเส้นแบนแคบๆ คล้ายใบหอม ปลายใบมน ขอบใบขนาน แต่บางชนิดมีใบแบบครึ่งวงกลม มีจำนวนใบต่อต้น 4-8 ใบ ใบยาวประมาณ 20-45 เซนติเมตร ใบกว้าง 0.35-0.8 ซม. ใบอ่อนชูตั้งตรง ใบแก่จะโค้งงอลงด้านล่าง และมักจะทิ้งใบแห้งตายไปพร้อมกับดอก แต่ใบจะงอกขึ้นมาใหม่ในช่วงต้นฤดูฝนในปีถัดไป แต่บางชนิดจะติดใบเขียวตลอดทั้งปี

ดอก  ดอกเป็นดอกช่อ แต่เจริญเพียง 1 ดอกในช่อดอก ก้านช่อดอกมีลักษณะเรียวยาว และกลวงภายใน เจริญขึ้นมาจากหัวในดินโดยไม่มีใบติด กาบหุ้มช่อดอกเป็นแผ่นบางโปร่งแสง มีแผ่นเดียวติดอยู่ที่ปลายของก้านดอกย่อย ปลายของกาบหุ้มช่อดอกอาจติดกันเป็นแผ่นหรือแยกเป็นสองแฉก ดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ลักษณะดอกเป็นรูปกรวย โคนกลีบดอกรวมติดกันเป็นวง ซึ่งมีขนาดสั้นหรือยาวแล้วแต่ชนิด ส่วนปลายของวงแยกเป็นกลีบๆ เรียกว่า perianth – segment มีจำนวน 6 อัน หรือมากกว่า 6 อัน ดอกมีหลายสี เช่น ขาว เหลือง ส้ม แดง และ ชมพู เป็นต้น กลีบเลี้ยง และ กลีบดอกมีสีเดียวกัน ดอกออกในฤดูฝนบาน 1 – 2 วัน แล้วแต่สายพันธุ์ หรือ ชนิด มีเกสรเพศผู้ 6 อัน อาจมีลักษณะ 3 อัน ยาวสลับกับ 3 อัน สั้น หรือยาวเท่ากันทั้ง 6 อัน มีก้านชูเกสรเพศผู้ตั้งตรงหรือโค้งไปข้างหน้าเล็กน้อยเชื่อมติดอยู่กับกลีบดอกชั้นในบริเวณคอหลอดหรือที่โคนของชั้นกลีบดอก ปลายก้านชูอับเรณูติดอยู่กลางอับเรณู ทำให้อับเรณูเคลื่อนไหวได้รอบทิศทาง อับเรณูมีรูปร่างยาวเรียว มีเกสรเพศเมีย 1 อัน รังไข่อยู่ใต้วงกลีบรวม มี 3 คาร์เพล ภายในรังไข่มีไข่อ่อนจำนวนมาก ก้านเกสรเพศเมียเป็นท่อยาว และโค้ง ยอดเกสรเพศเมียมีลักษณะเป็นแฉก 3 แฉกหรือเป็นปุ่ม

บัวดิน    จะออกดอกในช่วงต้นฤดูฝนประมาณเดือนกรกฎาคม-เมษายน ของทุกปี และส่วนมากหลังจากเดือนเมษายนจะทิ้งใบ และดอกเหี่ยวแห้งลง ทั้งนี้ บัวดินจะออกดอกมากในช่วงฤดูฝน และจะบานมากในช่วง 2-4 วัน หลังฝนตกหนัก สำหรับต้นที่ปลูกด้วยเมล็ดจะออกดอกภายใน 5 เดือน หลังการปลูก ดอกบัวดินจะบานในช่วงเช้า และจะหุบลงในช่วงเย็น โดยดอกบัวดินจะบานอยู่ได้ประมาณ 2 วัน แล้วค่อยเหี่ยวแห้งไป โดยในวันแรกสีกลีบดอกจะมีสีเข้มมาก ส่วนวันที่ 2 สีจะค่อยๆจางลง

ฝัก และ เมล็ด  แบ่งออกเป็น 3 ช่อง เปลือกค่อนข้างเกลี้ยง เมื่อผลแก่เปลือกแห้ง และแตกตามแนวกลางของแต่ละห้อง เมล็ดแบน เมื่อแก่เมล็ดมีสีดามีจานวนมากอัดแน่นอยู่ภายในผล โดยการติดเมล็ดของบัวดินนั้นค่อนข้างน้อย ประมาณ 10 เมล็ด/ฝัก แต่บางสายพันธุ์มีเมล็ด 25-30 เมล็ด

สายพันธุ์ที่พบไนประเทศไทย

Ø Z. Citrina Baker ให้ดอกสีเหลืองเข้ม

Ø Z. Ajax Spreng ให้ดอกสีเหลืองอ่อน

Ø Z. Canida Herb ให้ดอกสีขาว

Ø Z. Grandiflora Lindl ให้ดอกสีแดง ขนาดใหญ่

Ø Z. Rosea Lindl ให้ดอกสีชมพู ขนาดเล็ก

การปลูกบัวดิน  บัวดินเป็นพืชที่เติบโตได้ดีในที่ชื้นแฉะ นิยมปลูก และขยายพันธุ์ด้วยการแบ่งหัวปลูก เนื่องจากหัวแก่จะแตกหัวย่อยออกไปเรื่อยๆ และนิยมปลูกทั้งบนแปลงจัดสวน และการปลูกในกระถาง แต่ทั่วไปนิยมปลูกในกระถางเป็นส่วนใหญ่

ปลูกได้ด้วยการชำ ผ่าซีกหัว คล้ายกับการปลูกว่านสี่ทิศ โดยการผ่าแบ่งหัวออกเป็นส่วนๆ ด้วยการผ่าหัวผ่านตรงกลางในแนวตั้งเป็นซีกๆ โดยแต่ละซีกจะต้องให้มีฐานหัวที่มีรากหรือปุ่มรากติดมาด้วย ก่อนจะนำไปปักชำในกระถาง แล้วค่อยแยกลงปลูกในกระถางเมื่อมีการแตกใบ และสร้างหัวที่สมบูรณ์แล้ว

การปลูกลง แปลงจัดสวน ควรปลูกด้วยบัวดินชนิดเดียวหรือปลูกไม้ประดับอื่นที่มีลำต้นไม่สูง และไม่มีร่มเงามาก โดยเตรียมแปลงด้วยการขุดพรวนดิน พร้อมกำจัดหญ้าออกให้หมด หลังจากนั้น หว่านโรยด้วยปุ๋ยคอก เช่น มูลโค มูลไก่ เป็นต้น

ส่วนการปลูกในกระถาง  กระถาง 10 นิ้ว จะใช้หัวประมาณ 9 หัว วัสดุปลูกใช้ ปุ๋ยคอก + แกลบดำ + ขุยมะพร้าว ในอัตราส่วนที่ 1:3:5

การดูแลหลังการปลูก   จำเป็นต้องให้น้ำอย่างพอเพียง และสม่ำเสมอ ซึ่งอาจให้น้ำวันละ 1 ครั้ง หรือ 2 วัน/ครั้ง ส่วนปุ๋ยที่ใส่ ควรให้ปุ๋ยคอกเป็นหลัก เพราะจะช่วยให้ดินชุ่มชื้นอยู่เสมอ

การทำให้บัวดินให้ออกดอก หรือ ออกดอกอย่างต่อเนื่อง มีหลายวิธี ดังนี้

1.     ตัดใบออกให้หมด พร้อมให้ปุ๋ย และน้ำ

2.    สำหรับบัวดินที่โตเต็มที่แล้ว สามารถบังคับให้ออกดอกได้ ด้วยการงดให้น้ำ 2-10 สัปดาห์ หลังจากนั้น ค่อยให้น้ำอย่างเต็มที่

3.    ขุดหัวแก่ที่มีขนาดใหญ่มาผึ่งลม 6-10 สัปดาห์ หลังจากนั้น นำมาปลูกใหม่

4.    การทำให้ออกดอกอย่างสม่ำเสมอขึ้นอยู่กับการให้น้ำ และปุ๋ยอย่างเพียงพอ

โรค และ แมลงศัตรู

บัวดินจะมีโรค และ แมลงศัตรูคล้ายกับพืชที่มีหัว และ ดอกทั่วไป คือ โรครากเน่าหรือหัวเน่า ที่เกิดจากเชื้อราที่ทำให้ใบค่อยๆเหลือง ต่อมาปลายรากจะเน่า และลามมาที่หัว และโคนต้น ซึ่งจะเกิดมากในช่วงฤดูฝนทีอากาศมีความชื้น และความร้อนสูง ส่วนแมลงศัตรูพืชจะพบพวกหนอนผีเสื้อที่คอยกัดกินใบ และดอกเป็นสำคัญ

เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

จ่ายเงินโดยการสแกนบาร์โค๊ต

จ่ายเงินโดยการสแกนบาร์โค๊ต
บมจ. ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางบัวทอง ออมทรัพย์